วันอาทิตย์ที่ 6 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

จากสวนผักสู่คลองมหาสวัสดิ์ปลายทางที่รติรมย์ 2 ตอนที่ 1

ตั้งแต่อพยพออกจากบ้านมาได้ 2 สัปดาห์ก่อนหน้าที่น้ำจะเข้าท่วมหมู่บ้านอย่างหนักจนกระทั่งถึงวันนี้ก็ยังไม่ทราบชะตากรรมเลยว่าน้ำจะเข้าบ้านสร้างความเสียหายไปขนาดไหน ได้ยินข่าวเกี่ยวกับน้ำท่วมเขตตลิ่งชันอย่างหนัก ถนนสวนผักซึ่งอยู่ในเขตนี้ก็หนีไม่พ้นถูกน้ำท่วมเช่นกันเนื่องจากถนนสายนี้เป็นถนนเลียบคลองมหาสวัสดิ์ซึ่งเป็นคลองที่ปรากฏเป็นข่าวอยู่ทุกวันเพราะต้องรับเอามวลน้ำที่อยู่ทางตอนบนเข้ามาเต็ม ๆ ความกังวลเริ่มเกิดขึ้นเพราะไม่รู้ว่าระดับน้ำจะสูงแค่ไหน น้ำจะเข้าบ้านหรือไม่ ข่าวการเสียชีวิตของชาวบ้านที่ถูกไฟฟ้าช็อตจนเสียชีวิต ถูกจระเข้กัด หรืองูเขียวแมมบ้าซึ่งมีพิษร้ายหลุดออกมาแถวนนทบุรี ประกอบกับน้ำซึ่งท่วมอยู่นานและเริ่มสกปรกส่งกลิ่นเน่าเหม็นแล้ว ทำให้ความคิดที่จะหาทางเข้าไปดูบ้านต้องล้มเลิกไปหลายครั้ง


ด้วยความอยากรู้ว่าน้ำจะเข้าบ้านเท่าไร เสียหายมากขนาดไหน จึงได้รวบรวมความกล้าลุยน้ำเข้าไปดูในวันนี้ให้ได้ โดยเริ่มจากขับรถไปตามถนนราชพฤกษ์จนไปถึงจุดที่ไปต่อไม่ได้บริเวณแยกบรมราชชนนีซึ่งเริ่มมีน้ำท่วมขังรถเล็กผ่านไม่ได้แล้ว ตลอดทางจะเห็นรถจอดเรียงรายอยู่ริมถนนซ้อน 2 บ้างซ้อน 3 บ้าง มีการขับรถย้อนศรวุ่นวายกันเต็มไปหมด จากนี้ต่อไปก็ต้องโบกรถใหญ่ลุยต่อไปทางถนนสวนผักซึ่งมีรถทหารคอยให้บริการอยู่แล้วแต่กว่าจะมาแต่ละคันก็ช้ามาก โชคดีที่มีรถกระบะใจดีผ่านมาและจะไปสวนผักอยู่พอดีจึงได้อาศัยนั่งกระบะท้ายท่ามกลางแสงแดดอันร้อนระอุ












ตลอดสายถนนสวนผักตั้งแต่แยกราชพฤกษ์เข้ามาถึงตลาดกรุงนนท์ปากซอยสวนผัก 32 จมอยู่ใต้บาดาล ระดับน้ำประมาณครึ่งหน้าแข้ง บริเวณตลาดหน้าปากซอยมีชาวบ้านนำของมาขายกันอย่างคึกคักจะเรียกว่าตลาดน้ำก็ไม่ผิด


หลังจากขอบอกขอบใจคนขับรถกระบะก็ต้องลุยต่อด้วยการข้ามสะพานนี้ไป พ้นสะพานก็เข้าเขตนนท์พอดี แต่วันนี้เราจะเปลี่ยนวิธีเดินทางด้วยการล่องเรือไปตามคลองนี้แทน เจ้าคลองมหาสวัสดิ์นี่แหละคือตัวปัญหาที่ทำให้น้ำท่วมในบริเวณนี้เป็นวงกว้าง อยู่แถวนี้มาหลายปีก็มีวันนี้แหละที่ได้มีโอกาสสำรวจคลองอย่างจริงจัง คำแนะนำจากลุงใจดีคนหนึ่งซึ่งเป็นชาวบ้านในแถบนี้บอกว่าหากเดินข้ามสะพานไปขึ้นเรือที่ฝั่งกระโน้นจะถูกโขกค่าเรืออย่างแพงเพราะมีพวกมาเฟียมาคอยกินหัวคิว(คอยซ้ำเติมผู้ที่เดือดร้อน) แกบอกว่าฝั่งนี้จะมีชาวบ้านที่มีเรือมาคอยบริการให้ส่วนค่าบริการนั้นก็แล้วแต่จะให้ตามกำลังทรัพย์


สิ่งที่สังเกตเห็นได้ชัดคือเรือของชาวบ้านส่วนใหญ่จะเป็นเรือเก่า ๆ ที่ทำด้วยไม้นำมาติดเครื่องยนต์ เรือที่กำลังนั่งอยู่นี้ลุงเจ้าของเรือคุยโวว่าเรือลำนี้อายุร่วม 100 ปีได้ น้ำซึ่งรั่วซึมเข้ามานองพื้นเรือจนต้องคอยวิดออกเป็นระยะ ๆ เป็นสิ่งที่พิสูจน์คำพูดของแกได้เป็นอย่างดี ตลอดทางสองฝั่งคลองเต็มไปด้วยน้ำเวิ้งว้างไปหมด น้ำสูงเอ่อล้นจนมองไม่เห็นแม้แต่ริมสันเขื่อนที่สร้างให้สูงขึ้นหลังจากน้ำท่วมปี 38 จนมองไม่ออกเลยว่าชาวบ้านที่อาศัยอยู่ริมคลองจะอาศัยกันอยู่ได้อย่างไร

















ตลอดระหว่างทางลุงคนขับเรือเล่าให้ฟังว่าน้ำปีนี้มหาศาลมาก เขตเทศบาลพยายามสู้แต่ก็สู้ไม่ไหวจริง ๆ พร้อมกับชี้จุดให้เห็นร่องรอยของเขื่อนริมคลองที่พังอยู่หลายจุด หลังจากล่องเรือมาได้ซัก 15 นาที ลุงแกก็พาเรือลัดเลาะมาทางข้างโรงงานริมคลองซึ่งก่อนหน้านี้เป็นทางลาดซีเมนต์ให้รถเข้าออกได้แต่บัดนี้ได้กลายเป็นคลองย่อยใช้เป็นทางลัดตัดเข้าสู่ถนนจงถนอม-ปลายบางซึ่งเป็นทางเข้าหมู่บ้านไปโดยปริยาย



และแล้วก็มาถึงซะทีหมู่บ้านรติรมย์ 2 หลังจากใช้เวลาเดินทางเกือบ 2 ชั่วโมง เห็นระดับน้ำหน้าหมู่บ้านประมาณระดับอกก็เตรียมทำใจได้เลย ลุงแกก็ไม่รอช้ารีบหันหัวเรือเข้าหมู่บ้านในทันทีพร้อมกับบอกว่าจะบริการส่งให้ถึงหัวกระไดบ้านเลย ตลอดทางเข้าในหมู่บ้านอันร่มรื่น มาบัดนี้ได้กลายเป็นคลองที่สวยสดงดงาม บ้านแต่ละหลังได้กลายเป็นบ้านสวนริมน้ำอันอุดมสมบูรณ์สมกับชื่อถนน(สวนผัก)




โปรดติดตามตอน 2 ไปวัดระดับน้ำในบ้านกัน

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น